11 ตุลาคม 2567
การเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนการรับสมาชิกใหม่เข้ามาในครอบครัว นอกจากความรักและความผูกพันที่เกิดขึ้นแล้ว การเอาใจใส่เรื่องอาหารถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการจะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพและอายุขัยของสัตว์เลี้ยงที่คุณรัก
หนึ่งในคำถามที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงมักสงสัย คือ สุนัขหรือแมวควรกินอาหารกี่มื้อต่อวันจึงจะเหมาะสม? คำตอบนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สายพันธุ์ ขนาด น้ำหนัก สุขภาพ และระดับกิจกรรมของสัตว์เลี้ยง บทความนี้จะช่วยไขข้อข้องใจเกี่ยวกับการจัดการมื้ออาหารอย่างเหมาะสมสำหรับสัตว์เลี้ยงของคุณ
แนวทางการให้อาหารสำหรับสุนัขและแมว
ลูกแมว (อายุไม่เกิน 6 เดือน)
- หากลูกแมวไม่กินภายใน 12 ชั่วโมงแรก ควรลองให้อาหารกระป๋องก่อน จากนั้นค่อยผสมกับอาหารแห้งในวันถัดไป
- แนะนำให้อาหารแห้งเป็นหลัก แต่ควรผสมอาหารกระป๋องในช่วงแรกเพื่อช่วยให้ลูกแมวกินได้ง่ายขึ้น
- นำอาหารกระป๋องที่ไม่ได้รับประทานออกภายในไม่กี่ชั่วโมงเพื่อป้องกันการบูดเสีย
- ควรจัดหาอาหารแห้งให้ตลอดวัน เพื่อให้ลูกแมวกินตามต้องการ
- ล้างและเติมน้ำสะอาดในชามทุกวัน เพื่อให้น้ำพร้อมดื่มเสมอ
- เลือกอาหารที่มีข้อความระบุว่า “ครบถ้วนทางโภชนาการ” และหลีกเลี่ยงการให้นม เศษอาหาร หรือกระดูก
- หากลูกแมวไม่กินอาหารภายใน 24 ชั่วโมงแรก ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์
แมวโต (อายุ 6 เดือนขึ้นไป)
- ควรให้อาหารไม่เกินวันละสองครั้ง
- ไม่แนะนำให้ใช้วิธีให้อาหารแบบ “ฟรีสไตล์” เพราะยากต่อการตรวจสอบปริมาณอาหารที่แมวกิน ซึ่งอาจนำไปสู่โรคอ้วนได้
- เลือกอาหารที่มีข้อความระบุว่า “ครบถ้วนทางโภชนาการ” และปรับปริมาณตามคำแนะนำที่พิมพ์บนถุงอาหาร
- หากไม่สามารถสัมผัสซี่โครงแมวได้เมื่อลากนิ้วเบาๆ แสดงว่าแมวอาจมีน้ำหนักเกิน ควรปรึกษาสัตวแพทย์เพื่อจัดแผนลดน้ำหนัก
- ลดปริมาณอาหารอย่างค่อยเป็นค่อยไปหากแมวมีน้ำหนักเกิน และพิจารณาใช้อาหารลดน้ำหนักที่ออกแบบมาสำหรับแมวที่มีกิจกรรมน้อย
- หลีกเลี่ยงการอดอาหารเกินหนึ่งวัน เพราะอาจส่งผลต่อสุขภาพของแมว
- นำอาหารเปียกที่เหลือทิ้งออกภายในไม่กี่ชั่วโมงเพื่อป้องกันการเน่าเสีย
- ล้างและเติมน้ำสะอาดทุกวัน เพื่อให้แมวมีน้ำดื่มเพียงพอ
- หากแมวไม่กินอาหารภายใน 24 ชั่วโมงแรก ควรรีบปรึกษาสัตวแพทย์
การให้อาหารสัตว์เลี้ยงอย่างเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีและยืดอายุขัยของพวกเขา ควรใส่ใจเลือกอาหารที่มีคุณภาพ และปรับปริมาณอาหารให้สอดคล้องกับความต้องการของสัตว์เลี้ยงแต่ละตัว เพื่อให้พวกเขามีชีวิตที่สุขภาพดีและมีความสุขร่วมกับคุณในทุกวัน
ลูกสุนัข (อายุไม่เกิน 6 เดือน)
- แนะนำให้ลูกสุนัขกินอาหารแห้งเป็นหลัก
- หลังจากให้อาหารไปแล้ว 15-20 นาที ให้นำอาหารที่เหลือออก อย่าปล่อยให้ลูกสุนัขกินตลอดวัน การให้อาหารตามเวลาเป็นประจำจะช่วยให้ลูกสุนัขสร้างรูปแบบการขับถ่ายที่ปกติ
- ควรให้อาหารลูกสุนัขวันละ 4 มื้อ จนกระทั่งอายุ 6 เดือน จากนั้นลดลงเหลือวันละ 2 มื้อ
- ให้ลูกสุนัขกินมากเท่าที่จะทำได้ในช่วงเวลา 10-15 นาที หากลูกสุนัขกินมากเกินไป ควรแบ่งเป็นมื้อเล็กๆ และให้บ่อยขึ้น
- หากลูกสุนัขไม่ยอมกินอาหารภายใน 24 ชั่วโมง แนะนำให้เสนออาหารกระป๋อง เช่น ไก่หรือเนื้อวัวธรรมดา จากนั้นค่อยๆ ผสมกับอาหารแห้งในวันถัดไป
- ล้างและเติมน้ำชามทุกวัน โดยให้น้ำสะอาดพร้อมดื่มตลอดเวลา
- เลือกอาหารที่มีคำว่า “ครบถ้วนทางโภชนาการ“
- หลีกเลี่ยงการให้ลูกสุนัขกินนม เศษอาหาร หรือกระดูก
- หากลูกสุนัขหรือสุนัขโตไม่ได้กินอาหารนานกว่า 24 ชั่วโมง แม้จะเสนออาหารกระป๋องแล้ว ควรปรึกษาสัตวแพทย์ทันที
สุนัขโต (อายุ 6 เดือนขึ้นไป)
- ควรให้อาหารสุนัขโตวันละไม่เกิน 2 ครั้ง
- วางชามอาหารทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นนำออก ไม่ว่าจะสุนัขกินหรือไม่ก็ตาม ควรรอจนถึงมื้อต่อไป
- แนะนำให้เลือกอาหารแห้ง คุณสามารถให้อาหารกระป๋องได้ แต่จะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าและอาจต้องดูแลฟันสุนัขบ่อยขึ้น
- เลือกอาหารที่ระบุว่า “ครบถ้วนทางโภชนาการ“
- หลีกเลี่ยงการให้อาหารแบบฟรีสไตล์ เพราะจะยากในการควบคุมปริมาณการกินและอาจทำให้สุนัขเป็นโรคอ้วน
- หากสุนัขมีน้ำหนักเกิน ควรลดปริมาณอาหารหรือเลือกอาหารลดน้ำหนักที่เหมาะกับสุนัขที่ไม่ค่อยเคลื่อนไหว
- ไม่ต้องกังวลหากสุนัขกินได้น้อยลงหลังจากเปลี่ยนอาหาร ยึดมั่นกับอาหารแห้งชนิดเดิม หากจำเป็น สามารถเพิ่มอาหารกระป๋องเล็กน้อย
- ล้างและเติมน้ำชามทุกวัน และให้น้ำสะอาดพร้อมดื่มตลอดเวลา
แหล่งที่มา : https://www.sanook.com/women/253953/