Thursday, November 21, 2024
Google search engine
Homeการดูแลเลี้ยงสัตว์ทุกเรื่องที่ต้องรู้เมื่อแมวเป็นเชื้อรา

ทุกเรื่องที่ต้องรู้เมื่อแมวเป็นเชื้อรา

เมื่อพูดถึง แมวเป็นเชื้อรา เราหมายถึงการติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อราที่สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อหรือผ่านสิ่งแวดล้อม เช่น ดิน เชื้อรามักจะเกิดในบริเวณที่มีความร้อนและความชื้นสูง และสปอร์ของเชื้อราสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายปี แมวสามารถติดเชื้อราได้ง่ายโดยการสัมผัสกับสปอร์เหล่านี้ และเชื้อราจะเจริญเติบโตบนผิวหนังหรือเล็บของแมว

ประเภทของเชื้อราในแมว

การติดเชื้อราบนผิวหนังในแมวที่พบได้บ่อยที่สุดคือโรคเชื้อราเดอร์มาโตไฟต์ (Dermatophytosis) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กลากแมว” กลากนี้เกิดจากเชื้อราเดอร์มาโตไฟต์ ทำให้เกิดลักษณะของแผลวงกลมขยายตัวที่มีการสูญเสียขนและเป็นเกล็ด

 

นอกจากเชื้อราเดอร์มาโตไฟต์แล้ว ยังมีเชื้อราอื่นๆ ที่สามารถติดเชื้อในแมวได้ เช่น

  • Cryptococcosis: เชื้อรานี้สามารถทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท ตา และผิวหนัง
  • Coccidioidomycosis: หรือ “ไข้ทะเลทราย” พบในพื้นที่แห้งและกึ่งแห้ง เช่น หลังจากพายุฝุ่นหรือการก่อสร้าง
  • Blastomycosis: เชื้อรานี้สามารถทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจและระบบประสาท
  • Candidiasis: เชื้อรานี้พบได้ทั่วไปบนผิวหนังของแมว และเกิดการติดเชื้อเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของแมวอ่อนแอ
  • Malassezia yeast: เชื้อยีสต์นี้พบได้ทั่วไปบนผิวหนัง และมักจะเกิดการเจริญเติบโตมากเกินไปในสภาวะที่มีอาการแพ้หรือโรคผิวหนังอื่นๆ
  • Cutaneous sporotrichosis: เชื้อรานี้สามารถทำให้เกิดตุ่มนูนใต้ผิวหนังและแผลที่มีหนอง

 

อาการของแมวเป็นเชื้อรา

แมวเป็นเชื้อรา อาจแสดงอาการหลายแบบ เช่น

  • การสูญเสียขน
  • ผิวหนังแดง
  • ผิวหนังเป็นเกล็ด
  • มีตุ่มหนอง
  • การติดเชื้อที่รูขุมขน
  • แผลนูนใต้ผิวหนัง
  • แผลที่มีหนองหรือเลือดไหล

ในกรณีที่เชื้อราเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจ อาจพบอาการอื่นๆ เช่น

  • มีไข้
  • อ่อนเพลีย
  • หายใจลำบาก
  • ไอ
  • น้ำหนักลด
  • ตาบอด
  • ชัก

 

สาเหตุของเชื้อราในแมว

แมวสามารถติดเชื้อราได้จากสภาพแวดล้อม เช่น ดินที่มีเชื้อราอยู่ แมวที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีแผลบนผิวหนังจะมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อราได้ นอกจากนี้ การติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราอาจเกิดขึ้นพร้อมกัน ทำให้การวินิจฉัยและการรักษายากขึ้น

แมวที่ออกไปนอกบ้านมีโอกาสติดเชื้อราได้มากกว่าแมวที่เลี้ยงในบ้าน เนื่องจากมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อราจากสิ่งแวดล้อมมากกว่า

 

การวินิจฉัยเชื้อราในแมว

สัตวแพทย์จะใช้หลายวิธีในการวินิจฉัย แมวเป็นเชื้อรา รวมถึง

  • การขูดผิวหนังและการตรวจส่องกล้อง
  • การใช้หลอดไฟ Wood’s lamp ซึ่งเชื้อราบางชนิดจะเรืองแสงสีเขียวภายใต้แสงนี้
  • การตรวจเส้นขนและเกล็ดผิวหนังใต้กล้องจุลทรรศน์
  • การเพาะเชื้อจากผิวหนัง
  • การตัดชิ้นเนื้อเพื่อวินิจฉัย

 

การรักษาเชื้อราในแมว

การรักษา แมวเป็นเชื้อรา มีหลายวิธีขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ สัตวแพทย์อาจใช้การผ่าตัดเอาตุ่มนูนหรือแผลที่มีหนองออก และใช้ยาต้านเชื้อราทางปาก เช่น Itraconazole, Terbinafine, หรือ Fluconazole ยาเหล่านี้ต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือนจนกว่าการติดเชื้อจะหายขาด

นอกจากนี้ การรักษาทางผิวหนังด้วยสารละลายกำมะถันหรือน้ำยาฆ่าเชื้อรา เช่น แชมพูที่มี Miconazole ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดสปอร์ของเชื้อราและลดการแพร่กระจายของเชื้อ

 

การป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อรา

การทำความสะอาดสิ่งของในบ้านเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อ แมวเป็นเชื้อรา สิ่งของที่แมวใช้ เช่น ที่นอน ผ้าห่ม และของเล่น ควรถูกซักหรือทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ พื้นที่ที่ยากต่อการทำความสะอาด เช่น พรม ควรหลีกเลี่ยงการให้แมวเข้าถึง อาจต้องทิ้งสิ่งของที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ เช่น ต้นไม้แมว เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ

 

การดูแลแมวที่เป็นเชื้อรา

เมื่อ แมวเป็นเชื้อรา การดูแลและการรักษาต้องทำอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด สัตวแพทย์จะนัดตรวจซ้ำหลายครั้งเพื่อประเมินผลการรักษา แมวจะไม่ถือว่าหายจนกว่าจะแสดงผลการตรวจเชื้อราสองครั้งที่เป็นลบ และต้องรักษาต่อเนื่องอีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้น

เจ้าของแมวต้องมีความอดทนและมุ่งมั่นในการรักษา และการทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้แมวฟื้นตัวได้ดีขึ้น

 

การป้องกันเชื้อราในแมว

การป้องกัน แมวเป็นเชื้อรา สามารถทำได้โดยการรักษาความสะอาดของสภาพแวดล้อมที่แมวอาศัยอยู่ และการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่มีความเสี่ยง เช่น ดินที่ไม่สะอาด หรือสัตว์ที่ติดเชื้อ นอกจากนี้ ควรตรวจสุขภาพแมวเป็นประจำ และหากพบอาการผิดปกติควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที

 

RELATED ARTICLES
- Advertisment -
Google search engine

Most Popular

Recent Comments