เมื่อพูดถึง แมวเป็นเชื้อรา เราหมายถึงการติดเชื้อที่เกิดจากเชื้อราที่สามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อหรือผ่านสิ่งแวดล้อม เช่น ดิน เชื้อรามักจะเกิดในบริเวณที่มีความร้อนและความชื้นสูง และสปอร์ของเชื้อราสามารถอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายปี แมวสามารถติดเชื้อราได้ง่ายโดยการสัมผัสกับสปอร์เหล่านี้ และเชื้อราจะเจริญเติบโตบนผิวหนังหรือเล็บของแมว
ประเภทของเชื้อราในแมว
การติดเชื้อราบนผิวหนังในแมวที่พบได้บ่อยที่สุดคือโรคเชื้อราเดอร์มาโตไฟต์ (Dermatophytosis) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กลากแมว” กลากนี้เกิดจากเชื้อราเดอร์มาโตไฟต์ ทำให้เกิดลักษณะของแผลวงกลมขยายตัวที่มีการสูญเสียขนและเป็นเกล็ด
นอกจากเชื้อราเดอร์มาโตไฟต์แล้ว ยังมีเชื้อราอื่นๆ ที่สามารถติดเชื้อในแมวได้ เช่น
- Cryptococcosis: เชื้อรานี้สามารถทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท ตา และผิวหนัง
- Coccidioidomycosis: หรือ “ไข้ทะเลทราย” พบในพื้นที่แห้งและกึ่งแห้ง เช่น หลังจากพายุฝุ่นหรือการก่อสร้าง
- Blastomycosis: เชื้อรานี้สามารถทำให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจและระบบประสาท
- Candidiasis: เชื้อรานี้พบได้ทั่วไปบนผิวหนังของแมว และเกิดการติดเชื้อเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของแมวอ่อนแอ
- Malassezia yeast: เชื้อยีสต์นี้พบได้ทั่วไปบนผิวหนัง และมักจะเกิดการเจริญเติบโตมากเกินไปในสภาวะที่มีอาการแพ้หรือโรคผิวหนังอื่นๆ
- Cutaneous sporotrichosis: เชื้อรานี้สามารถทำให้เกิดตุ่มนูนใต้ผิวหนังและแผลที่มีหนอง
อาการของแมวเป็นเชื้อรา
แมวเป็นเชื้อรา อาจแสดงอาการหลายแบบ เช่น
- การสูญเสียขน
- ผิวหนังแดง
- ผิวหนังเป็นเกล็ด
- มีตุ่มหนอง
- การติดเชื้อที่รูขุมขน
- แผลนูนใต้ผิวหนัง
- แผลที่มีหนองหรือเลือดไหล
ในกรณีที่เชื้อราเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจ อาจพบอาการอื่นๆ เช่น
- มีไข้
- อ่อนเพลีย
- หายใจลำบาก
- ไอ
- น้ำหนักลด
- ตาบอด
- ชัก
สาเหตุของเชื้อราในแมว
แมวสามารถติดเชื้อราได้จากสภาพแวดล้อม เช่น ดินที่มีเชื้อราอยู่ แมวที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอหรือมีแผลบนผิวหนังจะมีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อราได้ นอกจากนี้ การติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราอาจเกิดขึ้นพร้อมกัน ทำให้การวินิจฉัยและการรักษายากขึ้น
แมวที่ออกไปนอกบ้านมีโอกาสติดเชื้อราได้มากกว่าแมวที่เลี้ยงในบ้าน เนื่องจากมีโอกาสสัมผัสกับเชื้อราจากสิ่งแวดล้อมมากกว่า
การวินิจฉัยเชื้อราในแมว
สัตวแพทย์จะใช้หลายวิธีในการวินิจฉัย แมวเป็นเชื้อรา รวมถึง
- การขูดผิวหนังและการตรวจส่องกล้อง
- การใช้หลอดไฟ Wood’s lamp ซึ่งเชื้อราบางชนิดจะเรืองแสงสีเขียวภายใต้แสงนี้
- การตรวจเส้นขนและเกล็ดผิวหนังใต้กล้องจุลทรรศน์
- การเพาะเชื้อจากผิวหนัง
- การตัดชิ้นเนื้อเพื่อวินิจฉัย
การรักษาเชื้อราในแมว
การรักษา แมวเป็นเชื้อรา มีหลายวิธีขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ สัตวแพทย์อาจใช้การผ่าตัดเอาตุ่มนูนหรือแผลที่มีหนองออก และใช้ยาต้านเชื้อราทางปาก เช่น Itraconazole, Terbinafine, หรือ Fluconazole ยาเหล่านี้ต้องใช้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือนจนกว่าการติดเชื้อจะหายขาด
นอกจากนี้ การรักษาทางผิวหนังด้วยสารละลายกำมะถันหรือน้ำยาฆ่าเชื้อรา เช่น แชมพูที่มี Miconazole ก็เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดสปอร์ของเชื้อราและลดการแพร่กระจายของเชื้อ
การป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อรา
การทำความสะอาดสิ่งของในบ้านเป็นสิ่งสำคัญมากเมื่อ แมวเป็นเชื้อรา สิ่งของที่แมวใช้ เช่น ที่นอน ผ้าห่ม และของเล่น ควรถูกซักหรือทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ พื้นที่ที่ยากต่อการทำความสะอาด เช่น พรม ควรหลีกเลี่ยงการให้แมวเข้าถึง อาจต้องทิ้งสิ่งของที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ เช่น ต้นไม้แมว เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำ
การดูแลแมวที่เป็นเชื้อรา
เมื่อ แมวเป็นเชื้อรา การดูแลและการรักษาต้องทำอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด สัตวแพทย์จะนัดตรวจซ้ำหลายครั้งเพื่อประเมินผลการรักษา แมวจะไม่ถือว่าหายจนกว่าจะแสดงผลการตรวจเชื้อราสองครั้งที่เป็นลบ และต้องรักษาต่อเนื่องอีกหนึ่งเดือนหลังจากนั้น
เจ้าของแมวต้องมีความอดทนและมุ่งมั่นในการรักษา และการทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้แมวฟื้นตัวได้ดีขึ้น
การป้องกันเชื้อราในแมว
การป้องกัน แมวเป็นเชื้อรา สามารถทำได้โดยการรักษาความสะอาดของสภาพแวดล้อมที่แมวอาศัยอยู่ และการหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสิ่งแวดล้อมที่มีความเสี่ยง เช่น ดินที่ไม่สะอาด หรือสัตว์ที่ติดเชื้อ นอกจากนี้ ควรตรวจสุขภาพแมวเป็นประจำ และหากพบอาการผิดปกติควรพาไปพบสัตวแพทย์ทันที